ฤดูกาล 2025/26 ของลาลีกา สเปน เปิดฉากขึ้นด้วยความคาดหวังสูงลิบของแฟนบอลเรอัล มาดริด หลังจากที่ทีมได้ ชาบี อลอนโซ่ (Xabi Alonso) อดีตกองกลางระดับตำนานกลับมาคุมทัพในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่
และในช่วงเวลาเพียงห้าสัปดาห์แรก เขาก็ทำสิ่งที่น่าทึ่ง — นำราชันชุดขาวคว้าชัยชนะรวด 5 นัดติดต่อกันในลีก พร้อมโชว์ฟอร์มที่เต็มไปด้วยความดุดัน สไตล์การเล่นที่เป็นระบบ และพลังความเชื่อมั่นที่กลับมาสู่ห้องแต่งตัวของมาดริดอีกครั้ง
ชัยชนะต่อเนื่องไม่ใช่เพียงเรื่องของสถิติ แต่มันคือสัญญาณของ “ยุคใหม่” ที่กำลังเบ่งบานในกรุงมาดริด — ยุคของชาบี อลอนโซ่ ที่เปลี่ยนทีมให้กลายเป็นเครื่องจักรแห่งความมั่นใจและความแม่นยำ
เส้นทางจากนักเตะในตำนานสู่กุนซือผู้ทรงวิสัยทัศน์
ก่อนจะพูดถึงผลงานในสนาม เราต้องย้อนกลับไปดูเส้นทางของชายผู้ปลุกเรอัล มาดริดให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง — ชาบี อลอนโซ่
ในฐานะนักเตะ เขาคือหนึ่งในมิดฟิลด์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่สุดในยุคของเขา ผ่านการเล่นให้กับลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค พร้อมคว้าแชมป์ทั้งยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ลาลีกา และฟุตบอลโลกกับทีมชาติสเปน
หลังแขวนสตั๊ด เขาเริ่มต้นเส้นทางโค้ชกับทีมเยาวชนของมาดริด ก่อนจะสร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในเยอรมนี ซึ่งพาทีมขึ้นสู่จ่าฝูงบุนเดสลีกาและคว้าแชมป์ยุโรปจนได้รับการยกย่องว่าเป็น “อัจฉริยะทางแท็กติกยุคใหม่”
เมื่อเรอัล มาดริดตัดสินใจมอบบังเหียนให้เขาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลายคนตั้งคำถามว่า “เขาพร้อมหรือไม่สำหรับแรงกดดันระดับนี้?”
คำตอบในตอนนี้คือ “พร้อมอย่างยิ่ง” เพราะผลลัพธ์ในสนามคือสิ่งที่พูดแทนทุกอย่าง — ห้าชัยชนะติดต่อกันโดยไม่แพ้ใคร
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดในยุคอลอนโซ่: ฟุตบอลเชิงระบบที่มีหัวใจแห่งความกล้า
สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนในยุคของชาบี อลอนโซ่ คือ “ความเป็นระบบ” ที่ผสมผสานกับ “ความยืดหยุ่นทางแท็กติก”
มาดริดในตอนนี้ไม่ได้พึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ทุกการเคลื่อนไหวถูกวางแผนไว้อย่างละเอียดราวกับภาพวาด
เขาเลือกใช้ระบบ 3-2-2-3 คล้ายที่เคยใช้กับเลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเน้นการครองบอลและการเปลี่ยนจังหวะเกมอย่างรวดเร็ว
ผู้เล่นอย่าง โจด เบลลิงแฮม, เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า, และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ กลายเป็นศูนย์กลางของระบบ โดยมีหน้าที่หมุนบอลและควบคุมเกมในแดนกลาง
นอกจากนี้ เขายังเพิ่มมิติการบุกจากแนวรับ โดยใช้ ดาวิด อลาบา และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เป็นตัวเริ่มเกมจากแดนหลัง ซึ่งทำให้การขึ้นบอลของมาดริดลื่นไหลและอันตรายกว่าเดิมอย่างมาก
“ผมต้องการให้ทีมเล่นด้วยสมองและหัวใจในเวลาเดียวกัน” — คำพูดของชาบี อลอนโซ่ ที่สะท้อนถึงปรัชญาฟุตบอลของเขาได้อย่างชัดเจน
หัวใจของทีม: โจด เบลลิงแฮม และการปลดล็อกศักยภาพใหม่ในแดนกลาง
หากจะพูดถึงนักเตะที่เป็น “จุดศูนย์กลางของจักรวาลมาดริดยุคอลอนโซ่” ชื่อของ โจด เบลลิงแฮม คงต้องถูกพูดถึงก่อนใคร
ในระบบใหม่ เขาไม่ได้ถูกจำกัดให้เป็นเพียงมิดฟิลด์เชิงรุก แต่ได้รับบทบาทอิสระในการเคลื่อนที่ระหว่างแดนกลางและแดนหน้า
เบลลิงแฮมสามารถเชื่อมเกม รับบอลลึก และยังมีหน้าที่เติมเข้าพื้นที่กรอบเขตโทษเพื่อจบสกอร์ ซึ่งทำให้เขาทำประตูได้ต่อเนื่องในช่วงต้นซีซั่น
ภายใต้การดูแลของอลอนโซ่ เบลลิงแฮมดูเหมือนจะเข้าใจ “จังหวะของเกม” มากขึ้น เขาเล่นอย่างมีวุฒิภาวะและกลายเป็นผู้นำทั้งในสนามและนอกสนาม
“ชาบีสอนผมให้คิดเหมือนโค้ช ไม่ใช่แค่นักเตะ” — เบลลิงแฮมให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ชนะเซบีย่า
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เปรียบเหมือน “อาจารย์กับลูกศิษย์” ที่เข้าใจกันในระดับลึก และนี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาดริดกลับมามีเกมแดนกลางที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป
สถิติที่น่าทึ่ง: 5 เกมแรก ไร้พ่ายและเสียประตูน้อยที่สุดในลีก
หลังผ่านไป 5 นัดแรก เรอัล มาดริดของชาบี อลอนโซ่ทำสถิติชนะ 5 นัดรวด ยิงรวม 13 ประตู เสียเพียง 2 ลูก และเก็บคลีนชีตได้ถึง 3 เกม
พวกเขาแสดงให้เห็นถึง “ทีมที่สมดุล” อย่างแท้จริง — เกมรุกเฉียบคม เกมรับเหนียวแน่น
วินิซิอุส จูเนียร์ กลับมาฟิตเต็มร้อยและทำผลงานได้โดดเด่นร่วมกับ โรดรีโก้ และ เบลลิงแฮม ในแนวรุก
ขณะที่ในเกมรับ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ก็กลับมาเป็นกำแพงมนุษย์อีกครั้ง หลังหายจากอาการบาดเจ็บยาว
สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงการทำงานอย่างละเอียดของทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งอลอนโซ่ให้เครดิตทั้งหมดกับสตาฟฟ์ของเขา
“ผมไม่ได้ทำคนเดียว ความสำเร็จนี้เป็นของทุกคน ตั้งแต่โค้ชผู้รักษาประตูจนถึงนักวิเคราะห์ข้อมูล”
และแฟนบอลสามารถติดตามสถิติทีมและการวิเคราะห์เชิงลึกแบบนี้ได้ผ่าน ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุดที่รายงานข้อมูลการแข่งขันแบบเรียลไทม์ทุกแมตช์ของลาลีกา

แท็กติกเพรสซิ่งและการครองบอล: หัวใจของฟุตบอลอลอนโซ่
หนึ่งในจุดเด่นที่เห็นได้ชัดในทีมชุดนี้คือ “การเพรสซิ่งที่ชาญฉลาด” มาดริดไม่ได้เพรสแบบไร้ทิศทาง แต่จะรอจังหวะเหมาะเจาะก่อนบีบพื้นที่ให้คู่แข่งเสียบอลกลางสนาม
การเพรสของทีมเริ่มจากแนวหน้าโดยวินิซิอุส และโรดรีโก้ ที่จะบีบจนคู่แข่งต้องเปิดบอลยาว ซึ่งเป็นจุดที่กองหลังมาดริดสามารถตัดบอลได้ง่าย
เมื่อได้บอลคืน พวกเขาจะเปลี่ยนจากเกมรับเป็นรุกภายในไม่กี่วินาที ด้วยการจ่ายบอลยาวจากเบลลิงแฮมหรือบัลเบร์เด้
ในแง่ของการครองบอล ทีมมีอัตราครองบอลเฉลี่ยสูงถึง 63% ต่อเกม — สูงสุดในลีก ณ ตอนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการควบคุมเกมที่สมบูรณ์
แท็กติกนี้ไม่เพียงทำให้ทีมมีโอกาสทำประตูมากขึ้น แต่ยังลดความเสี่ยงในการเสียประตูอีกด้วย เพราะคู่แข่งแทบไม่มีเวลาในการตั้งเกมสวนกลับ
การฟื้นฟูวินิซิอุสและโรดรีโก้: สองปีกบราซิลที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ชาบี อลอนโซ่ให้ความสำคัญกับการ “ปลุกศักยภาพของแนวรุก” โดยเฉพาะคู่หูบราซิล วินิซิอุส และโรดรีโก้ ซึ่งในฤดูกาลก่อนผลงานตกลงเล็กน้อย
เขาใช้วิธีให้ทั้งคู่เล่นอย่างอิสระมากขึ้น และไม่จำกัดตำแหน่งแน่นอนในสนาม ทำให้ทั้งสองมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกมรุกมากกว่าเดิม
ในระบบนี้ วินิซิอุสมักจะสลับมายืนกองหน้าคู่กับโรดรีโก้ในบางจังหวะ เพื่อสร้างความสับสนให้แนวรับคู่แข่ง
ผลคือ ทั้งสองคนกลับมามีส่วนร่วมกับเกมอย่างชัดเจน ยิงรวมกันไปแล้ว 8 ประตูจาก 5 เกมแรก และมีสถิติสร้างโอกาสเฉลี่ยสูงถึง 5 ครั้งต่อเกม
“โค้ชให้เราเล่นตามสัญชาตญาณ และนั่นทำให้เรารู้สึกมีอิสระอีกครั้ง”
โรดรีโก้กล่าวหลังเกมที่ชนะเกตาเฟ่ 4-1
แฟนบอลสามารถติดตามฟอร์มของทั้งคู่ รวมถึงข้อมูลสถิติการยิงประตูแบบละเอียดได้ผ่านแพลตฟอร์มของ สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็มที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีกาและยุโรปครบทุกคู่
ความสัมพันธ์ในทีม: บรรยากาศแห่งความสามัคคีและความเข้าใจ
หนึ่งในจุดแข็งของเรอัล มาดริดยุคชาบี อลอนโซ่ คือ “ความกลมเกลียวในห้องแต่งตัว”
เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะมากกว่าการใช้วินัยเข้มงวดเพียงอย่างเดียว
ก่อนทุกเกม อลอนโซ่จะพูดคุยกับนักเตะแต่ละคนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เขาไม่ได้สั่งอย่างเดียว แต่ฟังความคิดเห็นของลูกทีมด้วย
นั่นทำให้เกิดบรรยากาศแห่ง “การเคารพซึ่งกันและกัน” ที่ทำให้ทีมมีพลังจิตใจสูงมาก
เบลลิงแฮมเคยกล่าวไว้ว่า
“โค้ชไม่ได้บอกให้เราทำเพื่อเขา แต่ให้เราทำเพื่อกันและกัน นั่นคือสิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง”
บรรยากาศแบบนี้คือสิ่งที่มาดริดต้องการมานาน เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทีมเต็มไปด้วยแรงกดดันจากความคาดหวัง แต่ในตอนนี้ ทุกคนกลับรู้สึกสนุกกับเกมอีกครั้ง
เป้าหมายต่อไป: การล่าแชมป์ทั้งในประเทศและยุโรป
หลังจากคว้าชัยชนะ 5 นัดแรกในลีกอย่างสมบูรณ์แบบ มาดริดของอลอนโซ่ไม่ได้หยุดแค่นั้น
เป้าหมายของเขาชัดเจน — การคว้าแชมป์ลาลีกาและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลเดียว
ในขณะที่ทีมอย่างบาร์เซโลน่าและแอตเลติโก มาดริด ยังอยู่ในช่วงฟอร์มไม่คงที่ นี่คือโอกาสทองที่ราชันชุดขาวจะกลับมายิ่งใหญ่ในประเทศอีกครั้ง
อลอนโซ่กล่าวปิดท้ายหลังเกมที่ชนะเรอัล เบติสว่า
“นี่แค่จุดเริ่มต้น เรามีเส้นทางอีกยาวไกล แต่เรารู้แล้วว่าเราคือใคร — เรอัล มาดริด ที่พร้อมสู้ทุกสนาม”
และแน่นอนว่า แฟนบอลทั่วโลกที่ต้องการติดตามเส้นทางล่าแชมป์ของราชันชุดขาว สามารถรับชมทุกแมตช์ผ่าน ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ที่รวมทั้งการถ่ายทอดสดและบทวิเคราะห์หลังเกมจากผู้เชี่ยวชาญในยุโรป
บทสรุป: ยุคใหม่ของราชันชุดขาวภายใต้ “มันสมองอลอนโซ่”
การชนะรวด 5 นัดแรกในลาลีกาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือผลลัพธ์ของระบบ การวางแผน และการสร้างวัฒนธรรมทีมใหม่ที่ชาบี อลอนโซ่ปลูกฝังตั้งแต่วันแรก
เขานำความสงบ ความเข้าใจ และความเป็นผู้นำที่มีวุฒิภาวะเข้ามาในห้องแต่งตัวของมาดริด และนั่นทำให้ทีมดูแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ
ในตอนนี้ “เรอัล มาดริด ยุคอลอนโซ่” ไม่ใช่แค่ทีมที่เล่นเพื่อชนะ แต่คือทีมที่เล่นเพื่อ “สร้างตำนานบทใหม่” ของราชันชุดขาว
และสำหรับแฟนบอลทั่วโลก — การได้เห็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ฟุตบอลกลับมาผงาดอีกครั้ง คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งฤดูกาลนี้